วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บ้านป่าปงเปียง จ.เชียงใหม่ นาขั้นบันไดไทยสวยไม่แพ้ที่ใดในโลก

สัมผัสแรกที่บ้านป่าปงเปียง

      สิ่งที่เราได้สัมผัสกับตัวเอง  ก็คือภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาเราตอนนี้ บ้านพักที่ใช้รับรองนักท่องเที่ยว ไม่กี่หลังบนเนินเขา มองออกไปเป็นนาวข้าวกลางฤดูฝน ที่กำลังเขียวชะอุ่ม ไกลออกไปเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน เบื้องบนแม้เป็นเมฆฝนแต่ก็พอจะมีแสงสวยๆลอดผ่านมาบ้าง
       

  • วิวจากที่พัก ต้นข้าวสีเขียวเหมือนผ้ากำมะหยี่นุ่มๆ บนผืนนาขั้นบันไดบ้านป่าปงเปียง


      “บ้านป่าบงเปียง” เป็นหมู่บ้านของชาวเขาปกากะญอ ชาวบ้านที่นี่ได้ใช้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ทำกินกันมาหลายรุ่น โดยปลูกทั้งข้าว ข้าวโพด และพืชผักต่าง ๆ เอาไว้ประทังชีวิตในครัวเรือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงดำนา หากไปในยามแสงอาทิตย์ตกกระทบกับพื้นนา คุณจะได้ภาพที่สวยงามมาก ถัดมาในช่วงเดือนสิงหาคม คือช่วงนาเขียว ใครอยากไปสัมผัสความเขียวขจีของนาข้าว ไม่มีผิดหวัง และสุดท้ายคือเดือนกันยายน จะเป็นช่วงนาเหลืองก่อนจะเก็บเกี่ยว เป็นอีกโมเมนต์นึงที่น่าประทับใจ ด้วยนาสีเหลืองทองอร่าม คงจะฟินน่าดู เรียกได้ว่า 3 เดือนข้างต้นนี้ สวยไม่แพ้กัน 



การเดินทาง


เส้นทางแรก จากฝั่งดอยอินทนนท์  เมื่อขึ้นดอยอินทนนท์ขับไปเรื่อยๆ จนถึงด่านของอุทยานฯ จากนั้น เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกที่จะไป อ.แม่แจ่ม เส้นทางตรงนี้ถนนปกติแต่ทางจะแคบมากและโค้งเยอะ ขับกันช้า ๆ ไม่ต้องรีบน่ะครับ ขับเรื่อยๆไป 12 กิโลเมตร จะพบป้าย น้ำตกแม่ปาน เลี้ยวขวาลงไปตามป้ายจะผ่าน น้ำตกห้วยทรายเหลือง น้ำตกแม่ปาน และน้ำตกผาสำราญ เส้นทางจากตรงนี้ไปจะขรุขระมากต้องใช้รถ 4WD ของชาวบ้านเท่านั้น ระยะประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั่งรถผ่านหินดินโคลนเข้าไป เล่นเอาคลื่นไส้ได้เหมือนกันน่ะ แต่แค่อึดใจเดียวก็ถึงบ้านป่าปงเปียง  หากจะติดต่อรถเข้า แนะนำติดต่อ พี่วิชัย เจ้าของบ้านพักในบ้านป่าบงเปียง โทร 081 -0201691 ถ้าไม่ถึง 10 คน 800 บาท  10 คนขึ้นไป 1,000 บาท หรือถ้าหากพักที่บ้านแม่กลางบนดอยอินทนนท์ สามารถติดต่อรถกระบะนำเที่ยวพี่ บ้านแม่กลางหลวง 085 723 4957 ราคา 1500 บาท


เส้นทางที่ 2   ขึ้นจากฝั่งตัวเมืองแม่แจ่ม เส้นทางจะดีกว่า  มาถึงที่ว่าการอำเภอแม่แจ่มให้เลี้ยวขวา จะพบ 7-11 อยู่ฝั่งขวามือ ให้ตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือไปยังวัดพุทธเอิ้นและนาขั้นบันไดบ้านกองกาน ให้ตรงไปจะพบบ้านต่อเรือมุ่งตรงไป  ประมาณ 10 กิโล จะมาถึงบ้านทุ่งยาวขับตรงไป สังเกตุคือหลักกิโลแม่นาจร 16  เลี้ยวขวาจะเจอวัดทุ่งยาวให้เลี้ยวซ้าย เข้ามาประมาณ 1 กิโลจะเจอหมู่บ้านแม่มิงค์ สังเกตุป้ายเล็กๆจะบอกว่าไป ร.ร.อินทนนท์วิทยาเลี้ยวขวาจะพบหน่วยจัดการต้นน้ำ แม่อวม และก็จะมาถึงบ้านป่าตึงให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนทางลาดยางจะสิ้นสุดตรงนี้ ชับตรงไปประมาณ 1 กิโลจะพบทางแยก ทางซ้ายไปบ้านตีนผา ส่วนทางขวาไปบ้านป่าบงเปียง หากพักที่ อ.แม่แจ่ม ก็สามารถติดต่อเหมารถสองแถวเหลืองจาก อ.แม่แจ่ม ขึ้นมาได้ แต่จะได้ชมบรรยากาศแค่ช่วงเย็นเท่านั้น

รวมร้านอาหารแนะนำในอำเภอแม่แจ่ม




ชื่อร้าน : ร้านข่วงนา
ที่อยู่ : มีหลายเส้นทาง เส้นทางแรกเข้าทางโรงพยาบาลแม่แจ่ม ออกประตูด้านหลัง เลี้ยวซ้ายประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ทางขวามือ ส่วนอีกทางหนึ่ง เลี้ยวซ้ายจากแยกถนนหน้าเทศบาลแม่แจ่ม ตรงไปสังเกตป้ายทางเข้าร้านอยู่ขวามือ เข้ามาประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ซ้ายมือ
เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวันตั้งแต่  10.00-22.00 น.       
โทร. : 087-1836931






ร้านอาหารเฮือนม่านมุก 

ที่ตั้ง : 117 หมู่ 4 ซอยสามแยกอินทนนท์ ถนนอินทนนท์ - แม่แจ่ม ท่าผา แม่แจ่ม เชียงใหม่ 50270

ประเภทธุรกิจ : ร้านอาหารอร่อย ราคาไม่แพง สดสะอาด

รายละเอียด : GPS 18.48781 98.37738

โทร : 089 227 4901, 093 307 4956






ร้านกาแฟแจ่งเหมือง (jang Muang)

ที่ตั้ง : กลางเมืองแม่แจ่ม ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม (ตรงข้ามปั๊ม ปตท.) การเดินทาง
จากวงเวียนหน้าเทศบาลแม่แจ่ม ไปตามถนนเข้าเมือง ประมาณ ๑ กิโลเมตร


ร้านกาแฟ  Hot Coffee


      ตั้งอยู่ที่ 4/1 หมู่ ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 50270 การเดินทางมาร้านนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จากแม่แจ่ม(หลังดอยอินทนนท์) มาทางแม่นาจรตามเส้นทางจากแม่แจ่มไปขุนยวม ก่อนที่แม่นาจร 1 กิโลเมตรทางซ้ายมือ 

      ร้าน Hot coffee เป็นร้านของมูลนิธิแคร์ องค์กรอิสระช่วยเหลือเด็กชาวเขาด้านการเรียน ความเป็นอยู่ รวมถึงการส่งเรียนจนจบทั้งเรียนในไทยและส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากนั้นก็ส่งมาพัฒนาบ้านเกิดต่อไป ดังนี้พนักงานที่ขายกาแฟและเด็กในร้านก็คือเด็กของมูลนิธิที่ช่วยเหลือไว้ครับ การได้มาดื่มกาแฟที่นี่เป็นการได้ช่วยเหลือเด็กๆทางอ้อมทางหนึ่ง

      ในร้านกาแฟนอกจากอาหารเครื่องดื่มแล้วยังมีร้านขายพวกผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ทำโดยเด็กในมูลนิธิด้วย ด้านหลังเขาทำเป็นที่พักบรรยากาศดีมากมีแม่น้ำไหลผ่านหน้าบ้านเลยครับ ตอนที่ผมไปเที่ยวพึ่งเสร็จและเปิดรับนักท่องเที่ยวพอดีเลย แต่ผมไม่ได้พักที่นี่เพราะอินเตอร์เน็ตของที่ร้านไม่ค่อยเร็วนัก แต่ก็เพียงขอสำหรับเข้าเว็บและ check email แบบปกติ

      นอกจากที่พักยังมีบริการให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเรียนรู้การตีมีด สามารถเข้าคอร์สสั้นๆเพื่อตีมีดและใส่ชื่อตัวเองไปบนมีดได้ ซึ่งฝรั่งที่ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวผ่านมานิยมกัน 

       ร้านกาแฟ Hot coffee ร้านนี้ตั้งอยู่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ จากแม่แจ่มไปขุนยวมเส้นทางนั้นนักท่องเที่ยวไทยน้อยคนจะรู้จัก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งที่ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวป่าผ่านไปมา ที่ผมมาที่นี่เพราะกำลังสำรวจเส้นทางจากแม่แจ่มไปปาย โดยผ่านแม่ซา วัดจันทร์ ซึ่งหากว่าเดินทางสะดวกเมื่อไหร่ผมจะลงข้อมูลให้ทราบ จะได้เที่ยวเป็นวงรอบจากดอยอินทนนท์ ลงทางด้านหลังคืออำเภอแม่แจ่ม แล้วขับต่อไปทางแม่นาจร ไปแม่ซา ไปเส้นทางวัดจันทร์ถึงปาย แล้วเที่ยวอ้อมกลับมาแม่ฮ่องสอน ขุนยวม แม่สะเรียง เส้นทางนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง



ตกหลุมรักแม่แจ่ม

      แม่แจ่มยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างทะเลหมอกบ้านบนนา , ทะเลหมอกที่ดอยม่อนหมาก นอกจากนาขั้นบันไดที่ป่าปงเปียงก็ยังมีนาขั้นบันไดที่บ้านแม่ลองก็สวยงามไม่แพ้กัน นอกจากนั้นยังมีวัดสวยๆอีกหลายวัดให้เที่ยวกัน รวมทั้งเที่ยวชมงานหัตถกรรมทอผ้าซิ่นตีนจกที่บ้านท้องฝายอีกด้วย








ธรรมชาติที่สวยงามกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

ดอยม่อนหมาก



      ดอยม่อนหมากหรือดอยหมื่นหมากเป็นจุดชมทิวทัศน์ยามเช้าที่เป็นที่ยอดนิยมที่สุดของผู้ที่มาเที่ยวที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในยามที่อากาศดีจะมีโอกาสเห็นทะเลหมอกในมุมเกือบ 360 องศา และมีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นโผล่พ้นขอบฟ้าโดยมีทิวทัศน์ของเมืองแม่แจ่มเป็นฉากหลัง ขณะที่ทางทิศเหนือของจุดชมวิวเป็นทิวเขาที่มีลักษณะแปลกตาเป็นหุบดอยที่ทางกรมป่าไม้ใช้สำหรับจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน กลายเป็นเนินเขาที่สลับสีสัน ในยามที่สายหมอกปะทะหุบเขาเหล่านี้จะเกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมาก ขณะเดียวกันบริเวณจุดชมวิวของยอดดอยจะมีกระท่อมเล็กๆไว้ชมวิวทัศนียภาพหมู่บ้านและผืนนาขั้นบันไดด้านล่าง
ถนนทางเข้าต้องใช้รถยนต์แบบ 4x4 เท่านั้น รถเก๋งเข้าไม่ได้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเนื่องด้วยมีสภาพหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ตามที่ราบ กระจักกระจายอยู่ตามหุบเขาน้อยใหญ่เรียงรายมองดูสวยงาม 
จุดชมวิวที่น่าประทับใจ
จุดชมวิจุดชมวิวที่สงบและน่าอยู่มากๆ

                                                   
  • แสงแรกในเช้าวันนี้เมื่อเวลา 6.35 น.


  •  สัมผัสความความมหัศจรรย์ของทะเลหมอก





  • การเดินทางไปดอยม่อนหมากโดยการใช้บริการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ จะช่วยให้ท่านได้สัมผัสกับธรรมชาติได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องเส้นทางขรุขระ เนื่องด้วยตลอดเส้นทางเป็นถนนลาดยาง



  • ช่วงปลายฝน-ต้นหนาว อยู่พอดี อากาศดีตอนกลางคืน เที่ยวสนุก นอนสบาย ชวนทุกคนไปเที่ยวแม่แจ่มด้วยกันเลยค่ะ

จุดชมวิว ดอยหมื่นหมาก อ.แม่แจ่ม

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

มารู้จัก “อำเภอแม่แจ่ม" กันเถอะ


คุณรู้จักอำเภอแม่แจ่มมั๊ย?




      อำเภอแม่แจ่มหรือ "เมืองแจ๋ม" นั้นหรือแต่เดิมเรียกกันว่า "เมืองแจม" อำเภอแม่แจ่มเป็นดินแดนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ มีหมู่บ้านอยู่ตามที่ราบและกระจัดกระจายอยู่ตามหุบเขาใหญ่น้อยที่ล้อมรอบเรียงรายอยู่ มองจากที่สูงลงมาจะเหมือนแอ่งกระทะ มีลำน้ำไหลผ่าน ท่ามกลางมวลพฤกษชาตินานาพันธุ์ที่ปรากฏอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งนี้เดิมเป็นที่อาศัยของชนชาติลัวะ (ละว้า) ซึ่งครอบครองดินแดนแถบนี้ตลอดจนถึงบางส่วนของอาณาจักรล้านนาในอดีต ชนเผ่าลัวะมีความเจริญไม่แพ้พวกขอม-มอญ ซึ่งเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ร่วมกัน เพียงแต่แยกการปกครองออกเป็นหมู่เหล่า เป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อพวกใด ชนใดมีความเข้มแข็งก็ตั้งตัวเป็นเจ้าเมืองขึ้นปกครองกันเอง มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และได้สร้างวัฒนธรรมของตนจนรุ่งเรือง ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม จิตรกรรมฝาผนัง เครื่องปั้นดินเผา อาจจะเป็นเพราะในอดีตเมืองแจ๋มเป็นเส้นทางการค้าขายระหว่าง พม่า ไทย จีน และอินเดียก็เป็นได้ เพราะสินค้าของทุกประเทศตกทอดมาสู่รุ่นลูกหลานซึ่งได้รับจากบรรพบุรุษที่อยู่ในสมัยนั้นด้วย ต่อมาเมื่อมีกลุ่มคนไท-ยวน (ไต) เข้ามามากเข้า อำนาจของลัวะจึงหมดไป แต่ลัวะเริ่มเรืองอำนาจขึ้นมาใหม่อีกครั้งในยุคสมัยของพญามังรายซึ่งถือว่าเป็นเชื้อสายลัวะเหมือนกัน


      ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น คิชฌกูฏ ในวิหารของวัดยางหลวง พระเจ้าตนหลวง วัดกองกาน พระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ศิลปะตระกูลช่างเชียงแสนและตระกูลช่างสุโขทัยซึ่งมีอายุเกิน 500 ปีขึ้นไป ดังนั้น เมืองแจ๋มก็น่าจะตั้งมาไม่ต่ำว่า 500 ปี ราว ๆ ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1800) สิงหนวัติกุมารได้พากลุ่มคนไท-ยวนอพยพมาจากยูนนานทางตอนใต้ของจีน ยึดอำนาจจากลัวะในสมัยปู่จ้าวลาวจก (ลวจักราช) บรรพบุรุษของพญามังราย แล้วสร้างเมืองใหม่ในพื้นที่ที่มีชนพื้นเมืองลัวะอาศัยอยู่ก่อน แต่อาศัยการวางตนเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมสูงกว่าลัวะ ต่อมาเมื่อกลุ่มคนไทเสื่อมอำนาจลง ปู่จ้าวลาวจกจึงสถาปนาตนเองเป็นปฐมกษัตริย์ กลุ่มคนไทจึงกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งตามประวัติของเมืองแจ๋มที่กล่าวไว้ว่าเริ่มมีคนไทเข้ามา ก็คงจะในสมัยของสิงหนวัติกุมารนั่นเอง เพราะประวัติของเมืองแจ๋มก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิงห์อยู่เหมือนกัน แล้วถ้าเราลองมานับปีกันแล้ว ปีนี้ พ.ศ. 2545-1800 จะได้ประมาณ 745 ปี ซึ่งก็ใกล้เคียงกับอายุของหลักฐานที่อยู่ตามวัดต่าง ๆ เช่น คิชฌกูฏ


   ต่อมามีคนไทยพื้นที่ราบทั้งจากอำเภอจอมทองและอำเภอสันป่าตองเข้ามาหากินและตั้งถิ่นฐานอยู่ตามที่ราบลุ่มน้ำแม่แจ่ม และได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ. 2447 ตั้งชื่อว่า อำเภอช่างเคิ่ง (ปัจจุบันช่างเคิ่งเป็นชื่อตำบลหนึ่งในอำเภอแม่แจ่ม) ตั้งที่ว่าการอำเภอที่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลท่าผา มีนายชื่นดำรงตำแหน่งนายอำเภอ แต่ขณะนั้นราษฎรอดอยากขาดแคลนและไม่นิยมการปกครองที่มีการเก็บภาษีอากร ในที่สุดจึงมีราษฎรกลุ่มหนึ่งเข้าปล้นที่ว่าการอำเภอและทำร้ายนายอำเภอจนเสียชีวิต ทางราชการจึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปอาศัยที่วัดช่างเคิ่งเพื่อความปลอดภัย มีนายสนิทเป็นนายอำเภอจนกระทั่งปี พ.ศ. 2481 ทางราชการได้ลดฐานะลงเป็นกิ่งอำเภอ และตั้งชื่อว่า กิ่งอำเภอแม่แจ่ม ขึ้นกับอำเภอจอมทอง และเมื่อปี พ.ศ. 2499 ได้รับการยกฐานะเป็น อำเภอแม่แจ่ม และ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2552 ได้มีการแบ่งพื้นที่ของตำบลแจ่มหลวง ตำบลบ้านจันทร์ และ ตำบลแม่แดด ออกไปจัดตั้ง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จึงทำให้อำเภอแม่แจ่ม มี 7 ตำบล จนถึงปัจจุบัน




      เอกลักษณ์ของเมืองแม่แจ่ม 

"เที่ยวบ่อน้ำแร่ ล่องแพน้ำแจ่ม พักแรมน้ำตก ผ้าตีนจกยอดน้ำมือ"